คณะสถาปัตย์เป็นคณะที่สอนให้เราสามารถคิดสิ่งต่างๆอย่างมีขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างสร้างสรรค์และมีเหตุผล ฉะนั้นจึงไม่แปลกอะไรถ้านักเรียนสถาปัตย์กลุ่มหนึ่งจะเบนไปทำอาชีพอื่นๆได้ และประสบความสำเร็จ ลองมาดูบุคคลระดับโลกเหล่านี้กัน

1. Art Garfunkel

Art Garfunkel (ขวา)

Art Garfunkel ประสบความสำเร็จจากการเป็นนักร้องวง Simon & Garfunkel ซึ่งผลงานเพลงของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงขั้นชนะรางวัลแกรมมี่ถึง 6 ครั้ง แต่ใครจะรู้ว่าเขาจบปริญญาตรีจากคณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และปริญญาโททางด้านคณิตศาสตร์ โดยในช่วงที่เพลงของเขาประสบความสำเร็จ เขายังได้แต่งเพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากการเรียนสถาปัตย์อย่างเพลง So long, Frank Lloyd Wright

เพลง So long, Frank Lloyd Wright

2. Tom Ford

Tom Ford

แฟชั่นดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรด์ตามชื่ออย่าง Tom Ford ก็ไม่ได้เรียนทางด้านแฟชั่นโดยตรง แต่เขาจบจากคณะสถาปัตย์สาขาอินทีเรียที่ Parsons School of Design ในกรุงนิวยอร์ก เมื่อเรียนจบเขาได้ไปฝึกงานที่ chloe ในกรุงปารีส ทำให้เขาค้นพบว่าตัวเองชอบแฟชั่น จากนั้นเขาจึงไปทำงานครีเอทีฟที่กุชชี่เป็นเวลาหลายปี โดยผลงานการออกแบบของเขาได้แรงบันดาลใจจากแฟชั่นยุค 70 ซึ่งปัจจุบันเขายังทำงานให้กับแบรนด์กุชชี่ ทอมฟอร์ด และอีฟส์ แซงต์ โลรองต์


3. Aishwarya Rai

Aishwarya Rai

ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเจ้าของตำแหน่ง Miss World ในปี 1994 ซึ่งทำให้ Aishwarya Rai เข้าสู่วงการบอลลีวู้ดอย่างเต็มตัว แต่ในช่วงมัธยมเธอมีความคิดที่จะเรียนต่อทางด้านสถาปัตยกรรมที่ Raheja College of Arts ในมุมไบ แต่ด้วยจังหวะและโอกาสในด้านงานแสดง ทำให้เธอต้องเลือกสายงานนี้ และหยุดงานด้านสถาปัตยกรรม

4. Bill Gaytten

Bill Gaytten

Bill Gaytten จบการศึกษาจากคณะสถาปัตย์ที่โรงเรียนบาร์ตเลต (the Bartlett) ในกรุงลอนดอน ก่อนจะเรียนจบเขาเคยไปทำงานเป็นดีไซน์เนอร์กับ Victor Edelstein ซึ่งทำให้ค้นพบตัวเองในด้านแฟชั่น จากนั้นเมื่อเรียนจบเขาจึงตัดสินไปทำงานที่ดิออร์โดยเป็นผู้ช่วยจอห์น กัลลิอาโน จนถึงตอนนี้เขาทำงานอยู่ในวงการแฟชั่นเป็นเวลากว่ายี่สิบกว่าปี โดยงานออกแบบของเขาจะเป็นลักษณะ cut and drape ที่มีคอลเลกชันที่สร้างชื่อให้เขาในปี 2011

5. Seal

Seal

นักร้องผิวสีเจ้าของเพลง “Kiss by a Rose” จบการศึกษาจากคณะสถาปัตย์ในกรุงลอนดอน แต่หลังจากเรียนจบ Seal ก็ทำงานหลากหลายอย่าง จนกระทั่งเขาได้ทำงานเป็นนักร้องในบาร์ จนได้ร่วมวง “Push” ซึ่งเป็นวงดนตรีแนวฟังก์ของอังกฤษ ในตอนนั้นเขาออกทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น และในประเทศไทย สุดท้ายเขาจึงทำงานเป็นนักร้องและฝึกฝนทางด้านดนตรีจนถึงปัจจุบัน

6. Ratan Tata

Ratan Tata

ธุรกิจรถยนต์ของอินเดียที่มีชื่อเสียง คงไม่มีใครไม่รู้จัก “TATA” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดในโลก โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจนี้คือ ราธาน ทาทา เขาเป็นทายาทรุ่นที่ 5 ของตะกูลทาทาที่มาดูแลและบริหารธุรกิจของครอบครัว แต่ในช่วงวัยรุ่นทาทาไม่ได้มีความคิดอยากทำธุรกิจเลย ซึ่งเขาเป็นคนสันโดษ มีเพื่อนไม่มากนัก เขาจึงตัดสินใจที่จะเรียนคณะสถาปัตย์ที่คอร์เนล โดยในระหว่างเรียนเขาทำงานพิเศษในร้านอาหาร และเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วอเมริกา พอเรียนจบทาทาเริ่มทำงานที่บริษัท Jones and Emmons ที่นครลอสแอนเจลิส เขาชอบวิถีชีวิตที่นี่ และยังไม่มีความคิดที่จะกลับบ้านเกิดเพื่อทำธุรกิจ แต่จุดพลิกผันก็เกิดขึ้น เมื่อย่าของเขาเกิดล้มป่วยหนักขึ้นมา และย่ายืนยันว่าเขาต้องกลับมาที่นี่ ด้วยความที่เขาสนิทกับย่าและรักย่ามาก เขาจึงกลับมาและได้ถูกส่งตัวไปทำงานที่บริษัท TATA ในตำแหน่งลูกจ้างเหมือนคนอื่นๆ จนไต่เต้าได้เป็นประธานของ Tata Industries ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนด้านสถาปัตย์มา แต่ในชีวิตของเขาเคยทำงานออกแบบอยู่เพียง 2 ครั้งเท่านั้น คือออกแบบให้แม่และบ้านของเขาเอง

7. Arundhati Roy

Arundhati Roy

อรุณธตี รอย เป็นนักเขียนทางการเมืองชาวอินเดีย ที่มีผลงานนวนิยายสร้างชื่อ เรื่อง The God of Small Things หรือเทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ ที่เล่าถึงประสบการณ์ของเด็กฝาแฝดที่เติบโตในสังคมอินเดียที่ถูกกดขี่ทางชนชั้น โดยเนื้อเรื่องจะเล่าเหตุการณ์ตอนฝาแฝดอายุ 7 ขวบ และช่วงอายุ 31ปีสลับกัน ซึ่งจนเป็นหนังสือขายดีในปี 1997 ส่วนในเรื่องการศึกษานั้นเธอจบการศึกษาจากคณะสถาปัตย์ที่ School of Planning and Architecture ในกรุงนิวเดลี ซึ่งอรุณธตีมีความสามารถทางด้านการเขียนตั้งแต่สมัยเรียนสถาปัตย์ และเคยเขียนบทความทางสถาปัตยกรรมมาแล้ว

8. Courteney Cox 

Courteney Cox

ก่อนที่ Courteney Cox จะมาเป็นนักแสดง เธอศึกษาปริญาตรีที่คณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยสตรีเมาท์เวอร์นอน (Mount Vernon College for Women) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีความคิดที่จะเป็นนักออกแบบ แต่แมวมองมาเห็นเธอเข้า ทำให้เธอได้มาอยู่ในวงการฮอลลีวู้ด โดยมีผลงานที่สร้างชื่อจากการเป็นนักแสดงซีรีย์เรื่อง “Friends”  อย่างไรก็ตามเธอก็ยังไม่ทิ้งงานออกแบบ โดยเธอรีโนเวทและตกแต่งบ้านของเธอเองที่มาลิบู

9. Samuel L. Jackson

Samuel L. Jackson

Samuel L Jackson เคยศึกษาคณะสถาปัตย์ที่ Morehouse College ในแอตแลนตา จากนั้นเขาย้ายไปเรียนศิลปะการแสดงแทน โดยจบการศึกษาในปี 1972 ในสาขาการแสดง นั่นเพราะโอกาสและความก้าวหน้าในวงการฮอลลีวู้ด ทำให้เขาตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ โดยเก็บความสนใจในงานสถาปัตยกรรมไว้ในอดีต

10. Jim Thompson

Jim Thompson

ในวงการผ้าไทยในบ้านเรา ต้องมีชื่อ Jim Thompson อย่างแน่นอน เขาเป็นผู้ที่ทำให้ผ้าไทยไปสู่ระดับสากลมากขึ้น ทอมป์สันเป็นชาวอเมริกันที่หลงไหลในวัฒนธรรมและผ้าของไทย แต่ถ้าดูจากจุดเริ่มตั้งแต่เด็กก็คงไม่มีใครคิดว่าเขาจะมาเส้นทางนี้ เนื่องจากเขาเติบโตมาในครอบครัวที่รำ่รวย มีคุณตาเป็นถึงนายพลคนสำคัญในช่วงสงครามของสหรัฐ แต่เนื่องจากครอบครัวของเขาทำธุรกิจสิ่งทอ ทำให้เขาชอบศิลปะ แต่ใจลึกๆเขาก็ชอบและหลงใหลงานสถาปัตยกรรมเหมือนกัน ทำให้เขาตัดสินใจเข้าเรียนคณะสถาปัตย์ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย แต่ทว่าเขากลับสอบไม่ผ่านคณะกรรมการสถาปัตยกรรมแห่งนิวยอร์ก ทำให้เขาไม่สามารถเป็นสถาปนิกได้ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเป็นทหารในช่วงสงคราม โดยประจำการที่สำนักงานด้านยุทธศาสตร์ ทำให้เขาต้องเดินทางไปหลายประเทศ จนกระทั่งเดินทางมากรุงเทพฯซึ่งเป็นช่วงที่สงครามยุติพอดี เขาได้พบว่าในเมืองไทยทางภาคอีสานมีอุตสาหกรรมการเลี้ยงไหมและเห็นเสน่ห์ของผ้าไหมไทย เขาจึงคิดฟื้นฟูกิจการการทอผ้าไหมไทยจนมีชื่อเสียงทั้งในเอเชียและสหรัฐอเมริกา


11. Gianni Versace 

Gianni Versace

แฟชั่นดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์ Versace ผู้นี้ ก่อนที่จะมาทำงานด้านแฟชั่น เขาเรียนจบด้านสถาปัตย์ที่อิตาลีและย้ายไปอยู่มิลานเพื่อเริ่มต้นทำงานแฟชั่นทันทีตอนอายุ 26 ซึ่งในวัยเด็ก Gianni มีแรงบันดาลใจจากการได้เห็นแม่ของเขาทำงานในร้านเสื้อผ้า แล้วได้เห็นกระบวนการต่างๆในการทำเสื้อผ้า ซึ่งเขายังเคยไปรับจ้างเย็บผ้าโหลอีกด้วย ที่สำคัญเขายังได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะ ประวัติศาสตร์ของกรีก และผลงานของแอนดี้ วอร์ฮอ

Gianni ใช้เวลาประมาณ 10 ปีในการสร้างสมประสบการณ์ในการทำงานแฟชั่นโดยไม่จำกัดสไตล์ แต่จากการทำงานมานานทำให้เขาได้พบรูปแบบและตัวตนของตัวเอง และแบรนด์ Versace ก็ขึ้นมาและเป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน

บทสรุป

สรุป ทำในสิ่งที่รักแล้วจะประสบความสำเร็จยังเป็นคำพูดที่ยังใช้ได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะจบด้านอะไรมา สิ่งที่สำคัญคือ ความมุ่งมั่นและรักที่จะทำมัน ซึ่งมันจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและการสะสมประสบการณ์ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายแต่ก็ไม่ยากเช่นกัน ทุกอย่างอยู่ที่การไขว่คว้าโอกาสของแต่ละคน

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here