Bee Gees ในปี 1997

Bee Gees เป็นวงที่ประกอบด้วยสามพี่น้องตะกูลกิ๊บส์(Gibb)  “มอริซ, โรบิน, แบร์รี” ทั้งสามคนเกิดที่เกาะมาน ประเทศอังกฤษ โดยมอริซและโรบินเป็นฝาแฝดกัน ในช่วงวัยเด็กพวกเขาอาศัยอยู่ในเขตคอลตัน,แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ  ก่อนจะย้ายไปพำนักอยู่ที่ บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ในปลายยุค 1950 เริ่มทำวงดนตรีที่นั่นตั้งชื่อวงว่า Bee Gees ซึ่งย่อมาจากคำเต็ม ซึ่งคิดขึ้นจากดีเจวิทยุ Bill Gates จากการนำชื่อย่อของเขาเอง และของBill Goode(ที่เห็นพวกเขาแสดงที่ Speedway Circuit)นำมารวมกัน และหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จกับซิงเกิลเพลง Spicks and Speaks(ภายหลังเป็นซิงเกิลที่12ของวง) บนเกาะออสเตรเลีย พวกเขาตัดสินใจกลับไปที่ประเทศอังกฤษในเดือนมกราคม ปี1967 และได้พบกับ โรเบิร์ด สติงวู้ด ซึ่งได้เป็นโปรดิวเซอร์ให้พวกเขาเป็นต้นมา และทำให้พวกเขาโด่งดังไปทั่วโลก และมีงานเพลงขายดีที่สุด ทำรายได้ถึง 220ล้าน พวกเขาถูกบันทึกใน Rock and Roll Hall of Fame ในปี 1997 ติดอันดับ 1 ใน 5 งานดนตรีที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงป๊อป เป็นรองก็แต่งานของอภิมหาศิลปินอย่าง เอลวิส เพรสลีย์ , เดอะ บีเทิลส์, ไมเคิล แจ็คสัน และพอล แมคคาร์ตนีย์


แต่หลังจากที่มอริซ กิ๊บส์ได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหันเมื่อ 12 มกราคม 2003 พวกเขาจึงประกาศที่จะยุบวง Bee Gees ลงอย่างเป็นทางการ ภายหลังครบรอบ45ปีของวง Bee Gees แต่แล้วในปี 2009 ทั้งแบร์รีและโรบิน ตกลงที่จะทำวง Bee Geesขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

 

อัลบั้ม ” The Bee Gees sing and play 14 Barry Gibb songs”
อัลบั้มแรกๆของ Bee Gees

(เล่าย้อน) ปี 1962 Bee Geesเซ็นสัญญาทำอัลบั้มชุดแรก “The Bee Gees sing and play 14 Barry Gibb songs” กับสังกัดเฟสทีฟเร็กคอร์ด แต่ไม่ประสบความสำเร็จในออสเตรเลีย ทำให้สามพี่น้องตัดสินใจกลับประเทศอังกฤษ(แต่ภายหลัง เพลง Spicks and Specks กลับได้ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในหนังสือพิมพ์เพลง โก-เซ็ต ของออสเตรเลียในเดือนตุลาคม ปี 1966) ต่อมาในปี 1966 เป็นยุคที่เดอะ บีเทิลส์โด่งดังมาก พวกเขามีโอกาสร่วมงานกับ โรเบิร์ต สติงวู้ด จนมีผลงาน “New York Mining Disaster 1941” ในกลางปี 1967 อัลบั้มชุดนี้ติดอันดับเพลงชาร์ตยอดนิยมทั้งในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเพลง “To love somebody” และมีเพลงฮิตอื่นอย่าง Holiday, Massachusetts, World และ I Started a Jock  เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเพลง Bee Geesคือ เป็นเพลงป๊อปเน้นเสียงประสานด้วยเสียงหลอกบีบเสียงให้สูงผิดธรรมชาติหรือที่เรียกว่า “ฟอลเซตโต” ส่วนเนื้อเพลงจะมีมุมมองแปลกๆ

ภาพยนต์ Saturday Night Fever

ในยุคสมัยดนตรีดิสโก้เฟื่องฟู ชื่อเสียงของBee Gees ขจรขจายไปทั่วโลก ภายหลังปล่อยอัลบั้มประกอบภาพยนต์ ” Saturday Night Fever” ที่มีจอห์น ทราโวตา แสดงนำประกอบด้วยเพลง “More than woman” “Stayin Alive” และ “Jive Takin” ความสำเร็จตอกยำ้ด้วยอัลบั้ม ” Spirit having Flown” ซึ่งมีเพลงอันดับหนึ่งอย่าง Tragedy, Too Much Heaven และ Love you inside out ได้สร้างสถิติทำให้Bee Geesมีเพลงอันดับหนึ่งในอเมริกาติดต่อกัน 6 เพลง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาร์ทเพลงอเมริกา อัลบั้มชุดนี้ทำยอดขาย 30 ล้านชุดทั่วโลก

แต่เมื่อยุคดิสโก้ถึงคราวดับสูญในคริสตร์ศตวรรษที่ 1980 แนวดนตรียุคนั้นก็เข้าสู่กระแสพังค์ร๊อกและนิวเวฟ ชื่อเสียงของBee Geesก็เงียบตามไปด้วย แต่ก็มีเพลงฮิตบนเกาะอังกฤษในปี 1987 กับเพลง “You win again”จากอัลบั้ม E.S.P Bee Gees ประคับประคองชื่อเสียงเสมอตัวได้ต่อมาอีก20ปี และออกอัลบั้ม This is where I came in ในปี 2001 มีเพลงดังอย่าง alone

อัลบั้ม This is where I came in ในปี 2001
 

ภาพ+ข้อมูลจาก
 http://www.clipmass.com/thumb/317/1_316704.jpg

Alone ปี 1997
Massachusetts
Islands In the Stream
words
How deep Is Your Love

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here