PODCAST 03 – การมีศิลปะในจิตใจ ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างไร_wonderfularch.com
PODCAST 03 – การมีศิลปะในจิตใจ ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างไร

“สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับสู่ช่อง PODCAST ของ wonderfularch.com”

PODCAST ตอนที่ 3 ผู้เขียนอยากจะมาเล่าเรื่องของศิลปะ แต่ศิลปะในที่นี้ไม่ได้เล่าเรื่องทฤษฏี หรือวิชาการแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของชีวิตของคนเรา วิถีชีวิตประจำวัน ว่าการมีศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ดี มีคุณภาพอย่างไรบ้าง

ผู้เขียนมักจะชอบวาดรูป นอกจากจะเป็นงานอดิเรกแล้ว ในบางครั้งผู้เขียนมักใช้ศิลปะในการบำบัดความเครียด หรือความโศกเศร้าของตัวเอง ซึ่งมันช่วยได้มาก ทำให้เราสงบ นิ่ง ผ่อนคลายมากขึ้น พอมารู้ตัวอีกที ผู้เขียนวาดภาพไปร้อยกว่าภาพแล้ว จากการวาดภายใน 2- 3 ปี อันนี้ไม่แน่ใจเพราะเครียดมากหรือเพลิดเพลินกับการวาดรูป

ประสบการณ์ของผู้เขียน การมีศิลปะในจิตใจ ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องชอบวาดรูปเพียงอย่างเดียว การฟังเพลง การเขียนหนังสือ หรือการพยายามทำสิ่งใหม่ๆล้วนแต่เป็นศิลปะทั้งสิ้น เราลองมาดูว่าการมีศิลปะในจิตใจทำให้เราสามารถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างไร

1 ศิลปะช่วยให้เราลดความเครียดจากปัจจัยหลากหลาย

ศิลปะทำให้เราคลายเครียดจากสิ่งภายนอกที่เข้ามารบกวนภายในจิตใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องงาน เรื่องเรียน หรือเรื่องอื่นๆที่มาบั่นทอนใจเรา หากเรารู้สึกว่าใจเราเริ่มไม่สงบ เริ่มเครียด หาทางแก้ปัญหาไม่ได้ ให้เราหยุดทุกอย่าง แล้วทำงานศิลปะ หรือทำให้เรามีศิลปะเข้าไปในจิตใจ เช่น วาดรูป ฟังเพลง จัดดอกไม้ ทำงานฝีมือ หรือฮัมเพลงไปเรื่อยๆ มันช่วยลดภาวะเครียดได้ เพราะเราจะลืมสิ่งที่ยังแก้ไม่ตกไปชั่วขณะ และมันจะทำให้เราเกิดไอเดียใหม่ๆมาได้ เพราะไอเดียมักจะมาตอนที่เราไม่ได้คิด หรือกำลังเครียด ผู้เขียนมักจะเรียกว่า ไอเดียปิ๊งแว๊บ (มันเกิดแว๊บเดียวเท่านั้น)

ยกตัวอย่าง ตัวผู้เขียนทำงานที่ต้องใช้ความคิดเป็นส่วนใหญ่ หลายครั้งที่ตัวเองรู้สึกว่าตัน คิดไม่ออก กดดัน จนเครียด ยิ่งคิดก็ยิ่งตัน สุดท้ายต้องบอกกับตัวเองว่า พักก่อน จากนั้นก็เดินไปหยิบสมุด ปากกาสีๆ แล้วเริ่มลากเส้นจากกลางสมุด ลากไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ ใส่รายละเอียดของเส้น แล้วระบายถมๆตามช่องต่างๆ ระยะเวลาในการวาดภาพไปเรื่อยๆของผู้เขียนจากที่สังเกตตัวเอง ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เมื่อเห็นภาพวาดที่เสร็จสมบูรณ์ เป็นภาพอะไรไม่รู้ ไม่มีความหมาย แต่มันสร้างจินตนาการให้เราได้ขึ้นอยู่กับคนมองและประสบการณ์ของคนๆนั้น

หลังจากที่ผู้เขียนวาดรูปเสร็จ จะรู้สึกว่าเราผ่อนคลายมากขึ้น ตอนแรกที่เครียดจนคิดอะไรไม่ออก รู้สึกว่าสมองมันโล่ง แล้วมีกำลังใจที่จะแก้ปัญหาต่อ วิธีนี้ผู้เขียนใช้มาตั้งแต่เรียนสถาปัตย์ ซึ่งการเรียนค่อนข้างหนัก และต้องทำงานดีไซน์ทุกอาทิตย์ ทำงานแข่งกับเวลา ฉะนั้นศิลปะช่วยให้เราสุขภาพจิตดีขึ้น แม้จะต้องเจออะไรหนักๆเข้ามาในชีวิต เพราะตอนที่เราทำกิจกรรมศิลปะรูปแบบต่างๆ สมองจะหลั่งสารความสุข หรือที่เรียกว่า เอ็นโดรฟิน จะทำให้เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น

2 ศิลปะทำให้เราเป็นคนมีสมาธิ

ศิลปะช่วยให้เรามีสมาธิ สามารถโฟกัสสิ่งต่างๆได้นานขึ้น การทำงานศิลปะต้องอาศัยความใส่ใจ ความละเอียด การใช้เวลาในการทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ นั่นคือการฝึกสมาธิอีกรูปแบบหนึ่ง เหมือนหลักธรรมมะง่ายๆ คือ การอยู่กับปัจจุบันขณะ

ในยุคนี้มีเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่ทำให้เราใช้ชีวิตได้รวดเร็วมากขึ้น ทำให้เราบางทีใจไม่นิ่ง มีเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่ในหัวตลอดเวลา ตัวผู้เขียนเองเคยรู้สึกติดมือถือมากเกินไป จนบางทีทำให้เราตั้งใจว่าจะทำงานภายในหนึ่งวันตามแผนงานที่วางไว้ แต่ไม่เป็นไปตามนั้น เพราะเราไม่มีสมาธิ มีหลายครั้ง ที่ผู้เขียนพยายามเขียนบทความให้ได้ทุกวัน วันละนิดวันหน่อยก็ยังดี ซึ่งผู้เขียนจะใช้เวลาหลังเลิกงานกับช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในช่วงแรกผู้เขียนต้องใช้ความอดทนกับตัวเอง เอาชนะความขี้เกียจ ลงมือทำให้ได้ทุกวันจนเป็นกิจวัตรของเรา สุดท้ายมันทำให้เราเริ่มโฟกัสกับสิ่งที่ทำมากขึ้น มีสมาธิกับงานเขียนตรงหน้า ผู้เขียนตั้งใจเขียนบทความที่มีคุณภาพ เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน

นอกจากนี้ผลที่ได้จากการมีศิลปะเข้าไปในใจ สามารถส่งผลให้เราทำสิ่งต่างๆได้นานมากขึ้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพ และเข้าใจกับการอยู่กับปัจจุบัน คิดถึงอนาคตน้อยลง (หมายถึงไม่พะวงกับอนาคตมากเกินไป) ซึ่งการโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ คือการฝึกสมาธิที่ดีที่ทำได้ในชีวิตประจำวัน

3  ศิลปะทำให้เราเป็นคนละเอียด

ศิลปะช่วยให้เราเป็นคนละเอียด เพราะศิลปะคือเรื่องของสุนทรียะ ความงาม และความละเมียดละไม สิ่งเหล่านี้มันจะหล่อหลอมให้เรามีนิสัยเป็นคนละเอียดลออ จะไม่ทำอะไรเพียงผิวเผิน หรือทำแบบผักชีโรยหน้า เพราะการมีศิลปะในจิตใจจะทำให้เราเป็นคนไม่กล้าทำอะไรฉาบฉวย ทำให้เราเป็นคนทำกิจต่างๆด้วยใจ และหวังให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ

ตัวผู้เขียนเอง มักจะบอกให้ตัวเองมีศิลปะอยู่ในใจเสมอ หรือต้องมีแรงบันดาลใจอยู่ในใจ เพราะมันทำให้เรารู้สึกอยากจะทำงานทุกๆชิ้นให้ดี ทำให้ดีในที่นี้ หมายถึง ดีเพื่อให้งานนั้นเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อให้เกิดการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ มากกว่าการทำเพื่อให้ตนเองมีชื่อเสียง หรือผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพใด ไม่จำเป็นจะต้องเป็นศิลปินหรือนักออกแบบ อาชีพทุกอาชีพต้องมีความละเอียดในการทำงาน เช่น หมอ ต้องตรวจวินิจฉัยโรคคนไข้ด้วยความละเอียด ถูกต้อง แม่นยำ หรือคนทำขนมปัง ก็ต้องทำขนมปังให้อร่อยและดูสวยงาม การช่างตวงต่างๆเป็นเรื่องของความละเอียดทั้งสิ้น

หากเราพิจารณาตัวเองในแต่ละวัน ว่าเราไม่ได้เป็นคนละเอียด หรือไม่รู้จะทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร การออกไปเปิดหูเปิดตา ออกไปดูงานดีๆของคนอื่น ก็จะทำให้เรามีความฝัน มีความทะเยอทะยานให้กลับไปทำสิ่งต่างๆให้ดี และมีความตั้งใจมากขึ้น แต่ถ้าเป็นวิธีการของผู้เขียนเอง เวลาผู้เขียนจะเริ่มต้นทำงานออกแบบ ผู้เขียนจะต้องหาข้อมูลและวิเคราะห์ จนได้แนวคิดว่าเราจะทำอะไร จากนั้นเราจะหาตัวอย่างงานที่ใกล้เคียงกับความคิดของเรา ดูไปเรื่อยๆจนกว่าเรามีความมั่นใจ และลงมือทำอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ต้นจบเสร็จสมบูรณ์เป็นรูปธรรม ทำให้เป็นนิสัยติดตัวไปตลอด เพราะมันเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ และความเป็นมืออาชีพ หากเราเริ่มรู้สึกว่าทำงานได้ไม่ดี ให้มีศิลปะในใจไว้เสมอ

4 ศิลปะทำให้เราใส่ใจสิ่งรอบตัว

ศิลปะทำให้เราใส่ใจสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนของตนเอง สิ่งแวดล้อม หรือเรื่องของสังคม เพราะการมีศิลปะในจิตใจทำให้เราเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความอ่อนโยน ซึ่งการสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้จะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ เนื่องจากเป็นเรื่องทัศนคติและความคิดของแต่ละคน ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน

การมีศิลปะในใจ ทำให้เรามองทุกอย่างสวยงามและอยากให้ทุกอย่างดูสวยงาม จึงทำให้เราเป็นคนที่มีจิตใจเอาใจใส่สิ่งต่างๆเช่น การดูแลบ้านเรือน การจัดสวน การดูแลคนใกล้ตัว หรือแม้แต่การใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงเรื่องสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการพัฒนาสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น เราอาจจะเริ่มจากตัวเราก่อน แล้วค่อยๆขยับเป็นสิ่งรอบตัวในชีวิตประจำวันของเรา และสังคมภายนอก

5 ศิลปะทำให้เราดูแลตัวเองดีขึ้น

ศิลปะเป็นเรื่องความสวยความงามอย่างหนึ่ง เพราะศิลปะเป็นเรื่องของความงาม ความจรรโลงใจ โรแมนติก และสุนทรียะ ส่วนใหญ่คนที่มีศิลปะในจิตใจมักจะชอบในตนเองดูสวยงาม ดูดีตามสไตล์ของตน ซึ่งการดูแลตนเองให้ดี เป็นการแสดงถึงภาพลักษณ์ และอัตลักษณ์ของคนๆนั้น สร้างบุคลิกดึงดูดแก่ผู้พบเห็น

การดูแลตัวเอง ไม่จำเป็นว่าเราต้องฟุ่มเฟือย หรือใช้แต่ของแบรนด์เนม แต่ควรดูแลตัวเองที่เหมาะกับเราอย่างแท้จริง การมีศิลปะในจิตใจทำให้เราใส่ใจตนเอง รวมถึงการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี รวมถึงการแต่งกายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ในการใส่ใจตนเองมีข้อดีตรงที่สามารถสร้างความประทับใจครั้งแรก และทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือ เคยมีศิลปินท่านหนึ่งเคยบอกผู้เขียนว่า คนมักจะตัดสินจากภายนอกก่อนเสมอ ก่อนจะเข้าไปดูความสามารถ โปรไฟล์ และนิสัยเป็นลำดับสุดท้าย ฉะนั้นการที่ทำให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอถือว่าคนๆนั้นมีศิลปะในใจได้เช่นกัน

6 ศิลปะทำให้เรามีแรงบันดาลใจ

ศิลปะทำให้เราเป็นคนมีแรงบันดาลใจ เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คนที่มีไอเดียและสร้างสรรค์ในการทำงานตลอดเวลา ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนมีแรงบันดาลใจที่ดี มีคลังความรู้และประสบการณ์ต่างๆที่พวกเขาได้พบเจอ ทำให้พวกเขาสามารถเป็นคนที่มีความสุขกับการทำงานตลอดเวลา และกระตือรือร้นที่ได้ทำงานทุกวัน

ผู้เขียนมักชื่นชมคนที่ทำงานอย่างมีความสุข และตั้งใจทำงาน มีความรักในงานที่ตนเองทำ เพราะพวกเขามักจะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนอื่นๆได้ด้วย การที่เรามีศิลปะในใจและมีความรู้จากการเสพงานมามากและเก็บในคลังสมอง หรือมีประสบการณ์มาโชกโชน พวกเขาจะไม่ย่อท้อต่อปัญหา และมองว่าปัญหาเป็นเรื่องปกติที่ต้องพบเจอในการทำงาน ทำให้พวกเขาสามารถแก้ปัญหาได้และเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ

ตามประสบการณ์ของผู้เขียน ตอนที่ผู้เขียนเป็นนักศึกษากับตอนที่มีประสบการณ์การทำงานแล้ว ความคิดความอ่านต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนที่เรายังไม่มีประสบการณ์หรือเห็นโลกไม่มาก เราจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรที่แตกต่าง เจอปัญหาที่ยากจะรู้สึกกลัว และต้องการกำลังใจอยู่ตลอดเวลา แต่พอผ่านไปหลายปี เราได้ผ่านปัญหาการทำงานหลายรูปแบบ เห็นงานดีๆมากขึ้น เรารู้สึกไม่กลัว แต่มีความกล้ามากขึ้น สามารถทำงานแบบมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และการที่มีคลังสมอง ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้เร็ว และดัดแปลงได้ตลอดเวลา

7 ศิลปะทำให้เราเป็นคนคิดดี

ศิลปะทำให้เราเป็นคนคิดดี ทำดี และพูดดีอยู่เสมอ เราจะไม่กล้าทำสิ่งที่ไม่ดี มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ในใจ ทั้งนี้เราต้องดูพื้นฐานจิตใจของแต่ละคน เพราะศิลปะคือสิ่งที่ทำให้เกิดอารยธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ล้วนเป็นสิ่งที่ดีงามที่ทำให้สังคมเป็นระเบียบ

มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คนที่มีศิลปะในใจหรือเป็นศิลปิน มีความเป็นศิลปินในตัว ไม่ว่าจะทำอาชีพใดๆก็ตาม พวกเขาจะปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ และเป็นผู้ร่วมงานที่ดี พวกเขาจะไม่มองผู้อื่นในทางไม่ดี แต่ไม่ใช่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นคนใจเย็น แต่หมายความว่าเขาจะไม่แสแสร้งแกล้งทำ จะเป็นคนตรงไปตรงมา หรือมีระเบียบแบบแผนการทำงานที่ดี ทำแต่สิ่งที่มีประโยชน์และมีคุณค่าเท่านั้น

8 ศิลปะทำให้เรากล้าออกนอกกรอบ

ศิลปะทำให้เราเป็นคนมีความมั่นใจในตนเอง กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะแตกต่าง ทำให้เราพัฒนาสิ่งใหม่ๆให้กับสังคมได้ พวกเขากล้าที่จะให้ความคิดเห็นที่แตกต่าง มักเป็นผู้นำเทรนด์ต่างๆ บางคนอาจจะคิดว่าพวกเขาเป็นพวกหลุดโลก ความคิดดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เพราะพวกเขาเหล่านี้มีความเชื่อมั่น มีแรงบันดาลใจที่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้เสมอ

ผู้เขียนมักจะสังเกตคนที่ทำอะไรแตกต่างจากคนอื่น มักไม่ค่อยกังวลว่าคนอื่นๆจะคิดยังไงกับพวกเขา จะมีคนชอบหรือไม่ชอบ พวกเขามองไปที่เป้าหมายและผลลัพธ์ ซึ่งทำให้ดูเป็นคนแหกคอกไปบ้าง แต่หากฟังความคิดของพวกเขาเราอาจจะได้แนวทางใหม่ๆในการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ

การมีศิลปะในจิตใจทำให้เป็นคนมั่นใจ แต่มันมีเส้นกั้นบางๆกับคำว่า “อีโก้” ความมั่นใจและอีโก้มีไว้เพื่อให้เรากล้าเสี่ยงในการทำงานสร้างสรรค์และคิดค้นสิ่งใหม่ๆในการแก้ปัญหา ถือเป็นเรื่องที่ดีและน่าชื่นชม แต่ถ้าความมั่นใจและอีโก้เป็นตัวที่ทำลายผู้อื่น ทำให้เรากลายเป็นคนยกตนข่มท่าน ก็ขอให้ถอยออกมา หรือตัดอีโก้ออไป เพราะมันจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในพริบตา

9 ศิลปะทำให้เรามีไฟ

ศิลปะทำให้เราเป็นคนกระตือรือร้น ไม่ขี้เกียจ อยากจะลุกขึ้นมาทำงาน ทำงาน อยากจะทำหน้าที่ของตนให้ดีในทุกๆวัน เพราะชีวิตคนเราในหนึ่งวัน มียี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นชั่วโมงการทำงานไปแล้ว 8 – 12 ชั่วโมง เรียกว่าคนเรามีชีวิตด้วยการทำงาน และเจริญก้าวหน้าก็ด้วยการทำงานเช่นกัน หากเราไม่มีไฟหรือไม่มีใจ เราก็มีชีวิตไม่ต่างจากใบไม้ที่ค่อยๆแห้งเหี่ยว แล้วรอวันตายไปในที่สุด

แล้วจะทำอย่างไรให้เราเป็นคนมีไฟอยู่เสมอ สิ่งหนึ่งของการมีศิลปะในจิตใจ ตามข้อที่ 6 และข้อที่ 7 คือ เราต้องเป็นคนคิดดีให้ได้ก่อน คิดถึงส่วนรวมมากกว่าตนเอง เข้าใจผู้อื่น แล้วเราจะเกิดแรงบันดาลใจที่ดีตามมา มีหลายครั้งที่ผู้เขียนสังเกตว่า คนที่หมดไฟเร็วเกินไปมักมักจะนึกถึงตัวเองมากเกินเสียจนเป็นความทุกข์ ยกตัวอย่าง เราทำงานเป็นพนักงาน แต่เรายังนั่งฝันกลางวันว่าเมื่อไหร่จะรวยสักที เมื่อไหร่จะดังสักที เป็นความคิดที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ และพาลไม่อยากจะทำงานต่อ

เราต้องเปลี่ยนความคิดของเราใหม่ สมมติว่าเราเปลี่ยนเป็นเราคิดอยากพัฒนาตัวเอง เราไม่เก่งอะไรก็ใช้เวลาว่างในการฝึกฝนทักษะของตนเอง แล้วคิดว่าตัวเรามีคุณค่าสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมาย แล้วเราจะมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น เมื่อเรามีความคิดและความตั้งใจที่อยากทำงานให้ดี แล้วตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ได้รับจากการคิดดี คือความน่าเชื่อถือ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ที่สำคัญเราจะรู้สึกมีกำลังใจและมีพลังในการดำรงชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม

10 ศิลปะทำให้เราปล่อยวาง

ศิลปะทำให้เราปล่อยวางสิ่งต่างๆที่ทำให้เราทุกข์ใจ แต่ไม่ใช่เป็นการให้ปลงกับชีวิต แต่ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น ว่าชีวิตคนเรานั้นมีทุกข์และสุขหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ไม่มีใครทุกข์ตลอด หรือสุขตลอด การมีศิลปะในจิตใจ ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจชีวิต มีสติในการดำเนินชีวิต

การปล่อยวางแบบมีศิลปะ คือการรู้ว่าปัจจุบันเราเป็นอย่างไร เราทุกข์จากอะไร และเราสุขจากอะไร อะไรที่เราทิ้งออกไปจากใจได้ เราควรอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสังคมแบบใดที่จะนำพาเราไปสู่เส้นทางที่ดี โดยที่เราไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร แล้วเราจะเข้าใจสัจธรรมในชีวิตมากขึ้น

บทสรุป

การมีศิลปะในจิตใจเหมือนเรามีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ต่างจากการมีธรรมะในทางพุทธศาสนา เพราะช่วยให้เรามีสมาธิ มีสติ มีพลัง และกำลังใจในการใช้ชีวิต ชีวิต ผู้เขียนยังเชื่อเสมอว่า คนที่มีศิลปะในจิตใจ เขาจะเข้าใจว่าการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายที่สุด เป็นความสุขอย่างแท้จริง ผู้เขียนหวังว่า ผู้อ่านทุกท่านจะมีศิลปะในจิตใจ และค้นพบความสุขในการดำเนินชีวิตในแบบของตนเอง

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here